ที่มีของไก่ขอทาน
มีนิทานเรื่องหนึ่ง (เชฟสุรินทร์บอกว่า มีตำราทำอาหารเก่าๆของจีน ยืนยันด้วยว่ามีเค้าโครงจากเรื่องจริง) และกู๊กหรือเชฟอาหารจีนทั่วโลกรู้จักกันดี เล่ากันว่า มีขอทานคนหนึ่งแอบเข้าไปขโมยไก่ในบ้านเศรษฐี
และบังเอิญให้เศรษฐีรู้ตัวจึงส่งคนใช้ออกติดตามขโมย
ฝ่ายขอทานกลัวคนที่ติดตามมารู้ว่าตัวเองหนีไปทางไหนจากเสียงไก่ที่ร้อง เลยรีบจัดการฆ่าไก่
แล้วเอาดินเหนียวมาหุ้มตัวไก่ทั้งตัวเพื่อไม่ให้เห็นหลักฐาน ขณะที่เดินอุ้มดินเหนียวที่ห่อไก่อยู่นั้น
บังเอิญใกล้ๆกันมีกองไฟที่ก่อทิ้งไว้ และขอทานได้ยินเสียงคนตามมา
ด้วยความกลัวและความตกใจเลยรีบโยนไก่ที่ห่อด้วยดินเหนียวเข้ากองไฟ แล้วรีบหนีไป
เวลาผ่านไปมีพ่อบ้านคนหนึ่งเดินผ่านมาเจอกองไฟที่กำลังมอดจะดับ
เห็นในกองไฟมีก้อนดินเหนียวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ด้วยความแปลกใจ จึงเขี่ยออกมาดู
ดินเหนียวบางส่วนก็แตกออกมา เผยให้เห็นส่วนของไก่ที่ถูกห่อไว้
ด้วยความแปลกใจและไม่เคยเห็น จึงตัดสินใจแกะดินเหนียวออก
ดินที่ถูกความร้อนจนสุกได้ที่จึงเกิดการรัดตัว เมื่อถูกแกะออก
ดินเหนียวก็ดึงเอาขนไก่ออกมาทั้งหมดด้วย
ซึ่งการที่ดินรัดตัวจนแน่นนี้ก็ดึงทั้งหนังไก่และเกล็ดที่ขาออกมาด้วย
เห็นเนื้อไก่ที่อยู่ข้างในขาวจั๊วและหอมกลิ่นไก่เผาบวกกับกลิ่นดินเผาน่ากินมาก
เลยหยิบเนื้อไก่มาลองกินดู ปรากฏว่าเป็นเนื้อไก่ที่อร่อยมากๆ ระหว่างนั้นขอทานคนที่ขโมยไก่แล้วห่อด้วยดินเหนียวโยนเข้ากองไฟกลับมาเพื่อจะมาเอาไก่เห็นเข้า
จึงเข้าไปต่อว่าพ่อบ้านว่าขโมยเนื้อไก่ของตน
พ่อบ้านก็ได้ขอโทษและบอกว่าเนื้อไก่นี่อร่อยมากจริงๆ ถามว่าได้สูตรการทำไก่เผาแบบนี้มาจากไหน
ขอทานเลยคุยไปว่าเป็นเทคนิคการทำอาหารของตระกูลที่ถ่ายทอดกันมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว
พ่อบ้านเลยชวนกันเปิดร้านอาหารขายไก่เผาดินเหนียว ให้ชื่อว่า ไก่ขอทาน
ขายดีกันจนร่ำรวยเลยทีเดียว
นี่แหละครับที่มาของไก่ขอทาน
และต่อมาได้พัฒนาเป็นปลาช่อนเผาดินเหนียวในเมนูปลาช่อนหลงดอย
และปลาช่อนเผาเกลือในปัจจุบัน เล่านิทานไปจนหมดเนื้อที่บล็อกแล้ว
งั้นมาตามเรื่องการทำไก่ขอทาน ใน blog ถัดไปนะครับ
ข้อมูลโดย
ก้าวหน้าดอทคอม
สนใจไปทานอาหารฝีมือเชฟสุรินทร์
เชฟคนเก่งแห่งภัตตาคาร ครัวระเบียงปาย ติดต่อได้ที่
โทรศัพท์ 08-7173-7090
และ 0-5369-9774 เปิดบริการทุกวัน 09.00-22.00 น.
ขอสงวนสิทธิ์ในการนำไปเผยแพร่ต่อ แต่ไม่สงวนสิทธิ์ในการนำไปทำอาหารนะจ๊ะ
ขอสงวนสิทธิ์ในการนำไปเผยแพร่ต่อ แต่ไม่สงวนสิทธิ์ในการนำไปทำอาหารนะจ๊ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น