ต้มแซ่บกระดูกหมู เคล็ดลับการทำอาหารให้น่ากิน

ต้มแซ่บกระดูกหมู

ต้มแซ่บเป็นอาหารผมค่อนข้างจะเขียนบ่อยเป็นพิเศษ เพราะทำกินถี่มาก สาเหตุก็เพราะเป็นอาหารรสจัดจ้านถูกปาก กินแล้วเจริญอาหารได้เป็นอย่างดี แต่การทำในแต่ละครั้งผมจะเปลี่ยนแปลงวิธีการไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ เพื่อหาสูตรส่วนผสมใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ ดังนั้นเมนูอาหารถึงจะซ้ำ แต่ในความจริงถ้าสังเกตุให้ดีจะมีความแตกต่างในรายละเอียดและเคล็บลับเล็กๆ ที่นำมาใช้ในการปรุงอาหารแต่ละครั้ง แต่หัวใจสำคัญก็ยังยึดหลักการที่เชฟสุรินทร์เจ้าของร้านอาหารครัวระเบียงปายที่สอนผมมาเสมอ วันนี้จะทำต้มแซ่บซี่โครงอ่อนในอีกหนึ่งรูปแบบที่ทำกินได้ง่ายๆ  ไปดูแล้วลองนำไปทำกันครับ รับรองว่าอร่อย

ทำต้มแซ่บกระดูกหมู อร่อยน่ากิน 

ส่วนประกอบและวิธีทำ ต้มแซ่บกระดูกหมู

1 เตรียม กระดูกอ่อนหมู 300 กรัม สับเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ , ตะไคร้หั่นท่อน 2 ต้น , ข่าหั่นเป็นแว่น 3 แว่น , หอมแดง 3 หัว , น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ , น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ , ใบมะกรูดฉีก  3-5 ใบ , พริกขี้หนูคั่วป่น 10 เม็ด , น้ำเปล่า 3 ถ้วย

2 นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟให้เดือดก่อน ใส่กระดูกอ่อนหมูลงไปต้ม น้ำเดือดแล้วหรี่ไฟลงใช้ไฟกลางและหมั่นตักฟองทิ้งเพื่อไม่ให้น้ำต้มขุ่นขุ้น ต้มจนเนื้อหมูเปื่อยดีแล้ว ค่อยใส่ข่า หอมแดงและตะไคร้ลงไป รอให้น้ำเดือดอีกครั้ง ค่อยปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และพริกขี้หนูป่น ชิมรสดู ปรับรสตามชอบ หากติดหวานจะเติมน้ำตาลทรายลงไปเล็กน้อยก็ได้  ตักใส่ถ้วยเสริฟได้เลย

เคล็ดลับสำคัญ ต้มกระดูกหมูให้เปื่อย เตรียมไว้ก่อน

เคล็ดลับการทำ ต้มแซ่บกระดูกอ่อน
1 เวลาเลือกซื้อกระดูกอ่อน ต้องเลือกที่อ่อนจริงๆ เชฟสุรินทร์บอกว่า ต้องเลือกซี่โครงที่อ่อนจริงๆ  ถ้าเลือกซี่โครงแก่ไป กระดูกจะแข็งเลือกทานได้แต่เนื้อไม่อร่อย ความอร่อยอยู่ที่กระดูกอ่อนที่เคี้ยวได้กรุบกรอบ

2 ระหว่างที่เอากระดูกอ่อนต้ม ต้องหมั่นตักฟองทิ้งไป เพราะฟองที่เกิดขึ้นมาจะมีเลือดปนอยู่ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่จะทำให้น้ำต้มขุ่นข้น

3 น้ำมะขามเปียกจะมีรสเปรี้ยวมีหวานแทรก ซึ่งจะแตกต่างจากมะนาวที่มีรสเปรี้ยวโดดเด่น แต่มะนาวมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวทำให้อาหารน่ากินขึ้น ดังนั้นถ้าอยากให้ได้กลิ่นหอมของน้ำมะนาว เมื่อตักอาหารใส่ถ้วยแล้วจะบีบน้ำมะนาวลงไปด้วยก็ได้ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมของน้ำมะนาว แต่จะไม่ใช้วิธีบีบน้ำมะนาวลงไปในหม้อบนเตาโดยตรง เพราะความร้อนที่มากเกินไปจะฆ่ารสชาติและกลิ่นของมะนาว

ติดตามสาระดีๆ อีกมายได้ที่ http://tourthai.online

เขียนโดย ศักดิ์เพ็ชร  เรืองแพ
www.rkatour.com