|
แกงเลียง |
วันนี้เราเปลี่ยนมาทำอาหารแนวสุขภาพด้วยการทำแกงเลียงง่ายๆ รับประทานกันดีกว่า น่าเสียดายที่เด็กส่วนใหญ่ทุกวันนี้ไม่ค่อยกินผักเพราะถูกปลูกฝังให้กินแต่เนื้อเป็นหลักมาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ พอเจอผักเข้าส่วนใหญ่ก็จะเขี่ยทิ้ง และที่สำคัญผักทุกวันนี้ในท้องตลาดก็อุดมไปด้วยสารเคมี แม้แต่ผักพื้นบ้านหลายๆ ตัวก็เริ่มมีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เดี๋ยวนี้จะหาอาหารที่ปลอดสารเคมีจริงๆ ค่อนข้างยากพิลึก ไม่ว่าจะเป็นผักหรือเนื้อสัตว์และแถมผลไม้ด้วย ไม่แปลกที่คนไทยเรามีอัตราการป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ้านของผมก็พยายามปลูกผักไว้รับประทานเอง ถึงแม้ว่าผักจะไม่สวยน่ากินเหมือนที่เขาวางขายในตลาด แต่กินแล้วปลอดภัยแน่ๆ ที่สำคัญปลูกผักนั้นไม่ยากหรอกครับ มีแค่ดิน น้ำ และปุ๋ยคอกเก่าๆ ที่ย่อยสลายแล้ว บวกด้วยความเอาใจใส่ของผู้ปลูกอีกนิดหน่อยก็ได้ผักมารับประทานแล้ว ผักบางอย่างก็ปลูกได้โดยไม่ต้องใช้ดิน แต่... ผมเห็นทุกวันนี้ คนที่ได้ชื่อว่าเกษตรกรมีที่ดินคนละหลายสิบหลายร้อยไร่ ยังต้องซื้อผักในตลาดมากินเพราะเขาเน้นปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยว หรือปลูกแต่ไม้เศรษฐกิจอย่างเดียว พอมีปัญหาราคาตกต่ำหรือขายไม่ได้ราคาก็เลยต้องออกมาประท้วงเป็นข่าวกันอยู่บ่อยๆ เฮ้อ... เรากลับไปแกงเลียงกินกันดีกว่า ครับ
ส่วนประกอบและวิธีการทำ แกงเลียง
1 กระชาย 1 หัว , พริกชี้ฟ้าแดงผ่าเอาเมล็ดออก 2 เม็ด , หอมแดง 5 หัว , พริกไทย 1/2 ช้อนชา , กะปิอย่างดีเผาไฟ 1 ช้อนโต๊ะ , กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ ทุกอย่างนำมาโขลกรวมกันให้ละเอียด
2 เตรียม ฟักทองหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 10 ชิ้น , บวบเหลี่ยมหั่นเป็นชิ้น 1 ลูก , กระชาย 2 หัว , ยอดอ่อนใบตำลึงเด็ดเอาแต่ใบอ่อนๆ 10 ยอด , ใบแมงลัก 3 กิ่ง , น้ำต้มซี่โครงหมู 4 ถ้วยตวง , กุ้งตัวใหญ่ๆ 10 ตัว , น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ , พริกขี้หนูทุบพอแตก 3 เม็ด
3 น้ำซุปใส่หม้อตั้งไฟให้เดือดก่อน ใส่เครื่องแกงเลียงที่โขลกเตรียมไว้ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมรสดู พอให้มีรสเค็มนิดๆ จากนั้นใส่กระชายและฟักทองลงไปก่อน พอฟักทองเริ่มสุกก็ตามด้วยกุ้ง และบวบ แล้วค่อยใส่ใบตำลึงและใบแมงลักเป็นลำดับสุดท้าย คนให้เข้ากันแล้วตักเสริฟตอนร้อนๆ ได้เลย
ข้อมูลโดย
ศักดิ์เพ็ชร เรืองแพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น