 |
| ปลาทับทิมราดซอสกระเพรา |
ส่วนประกอบและวิธีทำ ปลาทับทิมราดซอสกระเพรา
1 ปลาทับทิม 1 ตัวหนักประมาณ 8 ขีด ล้างทำความสะอาดแล้ว แล่เอาแต่เนื้อเป็นชิ้นใหญ่ 2 ชิ้น โดยใช้เทคนิคใช้มีดแล่จากหางขึ้นไปทางหัวแล้วตัดเนื้อบริเวณคอ ส่วนหัวและก้างแยกไว้ต่างหาก ส่วนของเนื้อให้ซับน้ำให้แห้งก่อน ใช้สันมีดสับให้เนื้อปลาแตกเป็นรูนิดหน่อย แล้วค่อยใส่เกลือ 1/2 ช้อนชาและพริกไทยบด 1 ช้อนชาลงไปคลุกเคล้าให้ทั่วๆชิ้นเนื้อปลา หมักไว้ 10 นาทีเพื่อให้ซึมเข้าเนื้อปลาก่อน
2 จากนั้นนำชิ้นเนื้อปลาไปคลุกกับแป้งทอดกรอบ 1/4 ถ้วยตวง แล้วนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ กะให้ท่วมเนื้อปลา ทอดจนปลาสุกกรอบแล้วตักขึ้นพักไว้ก่อน แล้วใส่ก้างปลาลงไปทอดจนสุกกรอบแล้วนำไปจัดเรียงใส่จานรองไว้ก่อน แล้วนำเนื้อปลาที่ทอดสุกแล้วมาหั่นเป็นชิ้นพอคำนำไปจัดเรียงบนก้างปลาทอดให้สวยงาม
3 น้ำมันในกระทะที่ทอดปลาและก้างปลาเสร็จแล้วให้ใส่ใบกระเพรา 1/2 ถ้วยตวง ลงไปทอดต่อได้เลย ใส่ใบกระเพราลงไปจ้าพอกรอบแล้วตักขึ้นพักไว้ก่อน แล้วให้ลดไฟลง ตักน้ำมันออกให้เหลือติดกระทะไว้ 2 ช้อนโต๊ะ
4 ใส่กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ , พริกขี้หนูสวนทั้งเขียวและแดงสับหยาบๆ 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปผัดให้หอมก่อนแล้วใส่น้ำลงไป 1/4 ถ้วยตวง น้ำเดือดแล้วใส่ น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ , ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ ,น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา ชิมรสดู แล้วใส่ใบกระเพราสับหยาบๆ 1 ถ้วยตวง (อีก 1 ส่วน) ลงไปผัด ใบกระเพราจะดูดน้ำจนแห้ง ให้ใส่น้ำลงไปอีก 1/4 ถ้วยตวง ผัดได้ที่ดีแล้วตักทั้งหมดไปราดบนปลาที่เตรียมไว้ แล้วเอาใบกระเพราทอดกรอบโรยบนอีกที เสริฟพร้อมกับน้ำจิ้มสามรส
เทคนิคการทำ ปลาทับทิมราดซอสกระเพรา
1 เนื้อปลาก่อนนำไปทอดต้องซับน้ำให้แห้งก่อน เพราะในเนื้อปลาจะมีน้ำอยู่ ทอดแล้วน้ำมันจะกระเด็นใส่เอา เมื่อซับปลาแห้งดีแล้วนำไปคลุกกับแป้ง เวลานำไปทอดเนื้อปลาจะกรอบน่ากิน
2 น้ำมันที่ใช้ผัดให้ใช้น้ำมันที่ใช้ทอดปลานั่นแหละเพื่อให้รสชาติของน้ำซอสไปในทิศทางเดียวกับเนื้อปลา คือมีทั้งรสและกลิ่นของปลาและกระเพราผสมอยู่ หากใช้น้ำมันใหม่ผัด ทั้งรสและกลิ่นจะไม่เข้ากัน
ข้อมูลโดย
ก้าวหน้าดอทคอม
สนใจไปทานอาหารฝีมือเชฟสุรินทร์
เชฟคนเก่งแห่งภัตตาคาร ครัวระเบียงปาย ติดต่อได้ที่
โทรศัพท์ 08-7173-7090
และ 0-5369-9774 เปิดบริการทุกวัน 09.00-22.00 น.
ขอสงวนสิทธิ์ในการนำไปเผยแพร่ต่อ แต่ไม่สงวนสิทธิ์ในการนำไปทำอาหารนะจ๊ะ
ขอสงวนสิทธิ์ในการนำไปเผยแพร่ต่อ แต่ไม่สงวนสิทธิ์ในการนำไปทำอาหารนะจ๊ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น