วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปูม้าผัด เพิ่มความหอมอร่อยเข้มข้นขึ้นด้วยน้ำมะนาว

ปูม้าผัด
ช่วงนี้ ทะเลตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จนถึงสุราษฎร์ธานี เป็นช่วงที่ทางการประกาศห้ามออกจับปลา เพราะเป็นช่วงฤดูปลาผสมพันธุ์และวางไข่ แต่ความจริงไม่ได้ห้ามการออกไปทำการประมงทุกชนิด เพียงแต่ห้ามจับปลาด้วยเครื่องมือบางอย่าง เพราะว่ามีปลาเข้ามาวางไข่โดยเฉพาะปลาทู  การที่เราเว้นวรรคการจับปลาในช่วงนี้ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้มีลูกปลาได้แพร่พันธุ์ต่อไป แต่การประมงหลายๆ อย่างหลายๆ ชนิดก็ยังคงทำได้กันตามปกติ ผมเองเดินในตลาดก็ยังเห็นปลาทูวางขายเยอะแยะเต็มไปหมด ส่วนใหญ่ก็ปลาทูไข่ทั้งนั้นเลย ได้แต่เฮ้อ รอให้ทางราชการกระดิกหรือขยับตัว คงยาก ไม่รู้เขาคิดไม่เป็นหรือคิดไม่ได้ ไม่ต้องไปไล่จับกันในทะเลหรอก แค่รอจับในตลาด  ปลายทางของระบบจับปลา เท่านี้ก็ปรามกันได้เป็นเรื่องเป็นราวแล้ว ก็ได้แต่พยายามผลักดันให้มีจิตสำนึกกันเอง  จนบางทีก็โดนหมั่นไส้เอาบ้างเหมือนกัน  และก็เข้าใจ ชาวประมงระดับชาวบ้านหากินด้วยเครื่องมือลูกทุ่งๆ พวกนี้มันไม่ทำให้ปลาสูญพันธุ์หรอก  แต่ผมหมายถึง ... เฮ้อ  วันนี้หาปูม้ามาทำปูผัดอร่อยๆ กินดีกว่า


ส่วนประกอบและวิธีทำ ปูม้าผัด
1 ปูม้าสดตัวใหญ่ๆ 2 ตัว ล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย แกะกระดองออกแล้วสับเป็น สี่ชิ้น พักไว้

2  เตรียม กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ , ต้นหอมหั่นท่อน 2 ต้น , พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด (แดงไม่มีเลยใส่สีเหลืองแทน), น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ , น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ , น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ , พริกไทยป่น ปลายช้อนชา , น้ำซุป 1/4 ถ้วยตวง , น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

3 น้ำมันพืชใส่กระทะตั้งไฟ ใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอมเหลืองดีแล้วค่อยใส่ปูม้าลงไปผัดจนสุก เติมน้ำซุปลงไป เสร็จแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย น้ำมะนาว ผัดพอเข้ากัน ชิมรสดู ใส่ต้นหอมลงไป ผัดพอเข้ากันก้ตักใส่จานโรยหน้าด้วยพริกไทย เสริฟได้เลย

เทคนิคการทำ ปูม้าผัด
ที่ผมใส่น้ำมะนาวลงไปด้วย เพราะโดยปกติเป็นคนชอบทานเปรี้ยว อีกอย่างความเปรี้ยวของน้ำมะนาวนอกจากจะดับกลิ่นคาวได้ดีแล้ว น้ำมะนาวยังมีกลิ่นหอมทำให้อาหารชวนรับประทานมากขึ้น แต่มีเคล็ดลับอยู่ว่า อย่าใส่น้ำมะนาวลงไปบนเตานานๆ กลิ่นหอมและความเปรี้ยวของน้ำมะนาวจะโดนความร้อนฆ่าไปซหมด จะให้ดีใส่ตอนปรุงอาหารเสร็จแล้ว กำลังจะยกลงจากเตา หรือปิดไฟยกลงมาจากเตาแล้วค่อยใส่ได้ยิ่งดี จะได้กลิ่นหอมและรสชาติของน้ำมะนาวอร่อยกว่าด้วย

ข้อมูลโดย
ศักดิ์เพ็ชร เรืองแพ

ไม่มีความคิดเห็น: